วันพุธที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2555

LAND-Bridges ควรเปลี่ยนเป็น SEA-Bridges จะได้ประโยชน์มหาศาลกว่ามาก

LAND-Bridges ควรเปลี่ยนเป็น SEA-Bridges จะได้ประโยชน์มหาศาลกว่ามาก
เรียน   ดร.ทักษิณ ชินวัตร
ผ่าน   ท่านนายกปู


อยากให้ท่านนายกปูพิจารณา ข้อ ๕ ถัดไปเป็นพิเศษ เพราะดร.ทักษิณ ชินวัตร ได้คิดโครงการ ไว้โครงการหนึ่ง ชื่อ LAND-Bridges คือการก่อสร้างถนนเพื่อเชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทยกับฝั่งทะเลอันดามันให้เป็นถนนคอนกรีต ๔ ช่องจราจรเพื่อขนถ่ายน้ำมันและสินค้าตู้คอนเทนเนอร์จากฝั่งอันดามันไปฝั่งอ่าวไทยหรือกลับกันซึ่งจะมีท่าเรือเพื่อขนถ่ายน้ำมันและตู้คอนเทนเนอร์ทั้งสองฝั่ง เพื่อช่วยย่นระยะทางไม่ต้องให้เรือน้ำมันและเรือบรรทุกสินค้าอ้อมช่องแคบมะละกาผ่านมาเลเซียอินโดนีเซียและสิงคโปร์ไปทะเลจีนใต้ที่มีประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลี รัสเซียและประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอื่นๆ คล้ายกับโครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกทะวายของพม่า ซึ่งบริษัทของไทยกำลังช่วยพม่าก่อสร้างพัฒนาด้วยเงินทุนของจีนที่กำลังพยายามหาทางออกทะเลจากยูนนานลงใต้สู่ทะเลอันดามัน ข้อสำคัญ จึนพยายามจะหาทางใช้รางเพื่อขนสินค้าจากจีนตอนใต้ไปออกทะเลที่อันดามันหรือกลับกัน เพื่อย่นระยะทาง เวลาและประหยัดน้ำมันแทนการต้องขนสินค้าทางเรือผ่านช่องแคบ มะละกาวันละกว่า ๑๔๐ เที่ยว

จริงๆ แล้ว เราควรต้องเปลี่ยนโครงการก่อสร้าง LAND-Bridges ให้เป็นโครงการ  SEA-Bridges จะได้ประโยชน์มากมายมหาศาลมากกว่า เพราะ  SEA-Bridges หมายถึงการขุดคลองเชื่อมทะเลอ่าวไทยกับทะเลอันดามัน หรือการขุดคอคอดกระเดิมนั่นเอง ซึ่งคนไทยคิดกันมานานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ มหาราช เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันก็๓๐๐ ปีแล้วยังไม่ได้ขุด เนื่องจากถูกขัดขวางจากประเทศมหาอำนาจทั้งอังกฤษและฝรั่งเศสรวมทั้งอินโดนีเซียและสิงคโปร์ตลอดมา ขณะนี้ประเทศมหาอำนาจต่างๆไม่อาจขัดขวางโครงการนี้ได้อีกแล้ว เพราะเป็นการขุดคลองไทยโดยเปิดเผยภายในดินแดนของไทยเอง และเรายินดีให้เรือของทุกชาติมาใช้บริการทางผ่านได้สะดวกเพียงจ่ายค่าผ่านคลองซึ่งเรือที่มาใช้บริการจะประหยัดเวลา เชื้อเพลิงและค่าใช้จ่ายต่างๆลงได้มาก รวมทั้งยังมีความปลอดภัยจากโจรสลัดอีกด้วย

โครงการ SEA-Bridges จะเปลี่ยนประเทศไทยและคนไทยโดยเฉพาะคนใต้ให้มีชีวิตที่ดีขึ้น นอกจากนั้นถ้าไทยทำโครงการ SEA-Bridges สำเร็จจะช่วยให้เศรษฐกิจของไทยและของโลกเติบโตอย่างเห็นได้ชัด SEA-Bridges ยังจะพลิกไทยให้กลายเป็นยักษ์แคระแห่งเอเซียขึ้นมาทันทีและจะทำให้โครงการยักษ์ขนาดใหญ่ของจีนที่กำลังสร้างจากจีนตอนใต้เพื่อเปิดประตูผ่านพม่าลงสู่ทะเลอันดามันต้องเป็นง่อยหรือต้องปวดหัวมากที่สุดจนต้องเปลี่ยนแผนก่อสร้างทั้งหมด เช่น โครงการแรก ท่อส่งน้ำมันดิบ น้ำมันดิบที่ขนมาจากตะวันออกกลางจะมาลงท่อที่นี่ แนวท่อทอดจากเมืองเจียวเพียว (เรียกตามสำเนียงจีน) ผ่านมัณฑะเลย์-ลาโช-มูเซ ประเทศพม่า เข้าสู่เมืองมูเซ ไปถึงคุนหมิง ประเทศจีน ความยาวท่อ 1,100 กม. คาดว่าจะขนส่งน้ำมันดิบได้ 22 ล้านตันต่อปี

โครงการที่ 2 ท่อส่งก๊าซธรรมชาติ เชื่อมจากแหล่งก๊าซในพม่า วางแนวขนานกับท่อส่งน้ำมันดิบ คาดว่าจะขนส่งก๊าซได้ถึง 12,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี สี จิ้นผิง รองประธานาธิบดีของจีน ได้มาลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติ ตลอดจนการบริหารท่อก๊าซดังกล่าวระหว่างการเยือนพม่าเมื่อมิถุนายนปี 2009

โครงการที่ 3 รถไฟ เจียวเพียว-มูเซ เส้นทางแนวเดียวกับท่อส่งก๊าซและท่อส่งน้ำมัน รถไฟวิ่งได้เร็ว 160 กม./ชม. ความยาวของระยะทางรถไฟคือ 810 กม. หากเปรียบเทียบแล้วจะประหยัดเวลากว่าเส้นทางท่าเรือทวาย-มูเซ ที่มีความยาว 1,700 กม. เมื่อครั้งที่ประธานาธิบดี เตงเส่งไปเยือนจีนเป็นประเทศแรกหลังได้รับตำแหน่ง พม่าได้รับเงินจาก China Development Bank ในปี 2011 เพื่อสร้างรถไฟสายนี้

โครงการที่ 4 นิคมอุตสาหกรรมและท่าเรือน้ำลึกที่เมืองเจียวเพียว ท่าเรือน้ำลึกสามารถรองรับเรือบรรทุกน้ำมัน 3 แสนตันได้ เมืองนิคมอุตสาหกรรมจะมีทุกอย่างครบวงจร ทั้งสนามบิน โรงงานปิโตรเคมี โรงงานถลุงเหล็ก เรียกได้ว่าเอามาบตาพุดกับแหลมฉบังมารวมกัน

โครงการท่าเรือน้ำลึกทะวายต้องกลายเป็นง่อยไปเลยทันที ที่สำคัญอีกอย่างที่ไทยกำลังจะเชื่อมแหลมฉะบังเข้ากับท่าเรือน้ำลึกทะวายของพม่าด้วยการสร้างทางรถไฟก็จบลงด้วยเช่นกันโดยไม่ต้องสร้าง เพราะ SEA-Bridges จะเป็นประโยชน์มากมายมหาศาลกว่าโครงการอื่นๆที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด การลงทุนจากต่างประเทศจะย้ายจุดกลับมาลงทุนที่ไทยแทนทันที ทั้งนี้ไทยยังยินดีที่จะให้ประเทศต่างๆเข้ามาลงทุน ถือหุ้น โครงการต่างๆของไทยที่จะสร้างอีกด้วย มีการศึกษาถึงเหตุผลความเป็นไปได้ในการขุดคอคอดกระเชื่อมทะเลอ่าวไทยและอันดามันจากคณะกรรมาธิการวิสามัญวุฒิสภาชุดหนึ่งเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งเห็นพ้องต้องกันว่า สมควรต้องขุดคอคอดกระ ตามแนวที่ได้สำรวจไว้แล้วคือแนว 9A จะเหมาะสมที่สุด

^ 1. แนว 9A  การขุด “คลองไทย” ที่สำรวจแล้ว                      “คลองไทย”ศูนย์กลางเดินเรือโลกสายใหม่ 2.^     V   3. “คลองไทย”เริ่มจากฝั่งอันดามัน อ.สิเกา จ.กระบี่ ตรัง พัทลุง สงขลา อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ออกสู่ฝั่งอ่าวไทย ระยะทางตรง ๑๒๐ กิโลเมตร อันดามันรวมช่วงประตูน้ำสิเกา จ.กระบี่ ๒๘.๕๖ กิโลเมตร (Sigoa-Krabi Locks) ช่วงกลางคลองไทย จ.ตรัง พัทลุง สงขลา-ทะเลน้อย ๗๓.๐๒ กิโลเมตร (Trang Phattalung Songkla(Talaynoi) ตรงกึ่งกลางจะเป็นสะพานแขวนข้าม “คลองไทย” (Hanging Bridges) และทางรถไฟความเร็วสูงสายใต้ (Southern Hi-Speed Train) และช่วงประตูน้ำหัวไทร จ.นครศรีธรรมราชทะลุอ่าวไทย ๔๕.๕๙ กิโลเมตร (Huasai-Nakhon Si Thammaraj Locks) รวมความยาวทั้งหมด ๑๔๗.๑๗ กิโลเมตร     


(ภาพจำลอง “คลองไทย”ตามแนว 9A  ผ่านจังหวัดกระบี่ ตรัง พัทลุง นครศรีธรรมราชและสงขลา ระยะทาง 120 กิโลเมตร ซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่งที่คณะกรรมาธิการวิสามัญวุฒิสภาชุดหนึ่งได้คัดสรรไว้แล้ว จากฝั่งทะเลอันดามัน (ด้านซ้ายมือ) และสุดทางที่ฝั่งอ่าวไทย (ด้านขวามือ)  1       Sigao Locks at Trang  2. HuaSai Locks at NakhonSri Thammaraj 3. Hanging Bridges  4. Southern Bullet Trains)

ถ้าไทยสามารถทำโครงการ SEA-Bridges ได้สำเร็จด้วยการขุด”คลองไทย” จะนำรายได้เข้าประเทศมากมายมหาศาลแล้วยังช่วยให้เศรษฐกิจทั้งของไทยประเทศเพื่อนบ้านและประเทศต่างๆทั่วโลกดีขึ้นเพราะ  “คลองไทย” จะช่วยให้การขนส่งสินค้าด้วยคอนเทนเนอร์และการท่องเที่ยวทางเรือสามารถตัดตรงจากทวีปยุโรป อเมริกา กลุ่มประเทศตะวันออกกลางและจากทั่วโลกมาใช้  “คลองไทย” ได้เลยเพื่อประหยัดค่าขนส่งและเพื่อการท่องเที่ยว “คลองไทย” จะขยายเส้นทางการท่องเที่ยวทางทะเลไปยังเมืองท่าสำคัญๆของหลายประเทศทางอ่าวไทยและทะเลจีนใต้ เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี รัสเซียและประเทศประชาคมอาเซียน โดยไม่ต้องเสียเวลาอ้อมผ่านประเทศมาเลเซียอินโดนีเซียและสิงคโปร์เหมือนปัจจุบันและจะปลอดภัยจากปัญหาโจรสลัดบริเวณช่องแคบมะละกา ย่นระยะทางลงได้มากรวมทั้งยังประหยัดเวลาในการเดินทางประหยัดน้ำมันและค่าใช้จ่ายต่างๆ คลองไทยจะเป็นส่วนสำคัญของเส้นทางเดินเรือของโลกเส้นทางใหม่ ข้อสำคัญทุกประเทศจะได้รับความสะดวกและได้รับประโยชน์จากการใช้คลองไทยกันทั่วหน้า
ประมาณการอัตราค่าธรรมเนียมการใช้ “คลองไทย”                                                         เมื่อเปรียบเทียบกับ “คลองปานามา”                                                                               ความฝันของคนไทยจะเป็นจริงได้อย่างไร

ค่าธรรมเนียม

ประเภท ๑  เรือขนสินค้า ค่าธรรมเนียมประเมินจาก ทีอียู.(TEU) Twenty-foot Equivalent Unit เป็นขนาดของคอนเทนเนอร์ ขนาด 20 ฟุต(6 เมตร) x 8 ฟุต (2 เมตร) x 8.5 ฟุต(2.6 เมตร) บังคับใช้ตั้งแต่ 1 พค.2007  ค่าธรรมเนียมอยู่ที่ US$54 ต่อ 1 TEUเรือขนสินค้าที่ใหญ่ที่สุดอาจขนสินค้าได้ถึง 4,400 ทีอียู (US$237,600.00) แต่มีข้อลดหย่อนสำหรับเรือเปล่าที่ไม่มีผู้โดยสาร หรือไม่มีการขนสินค้า

ประเภท ๒ แต่เรือส่วนใหญ่จะจ่ายค่าธรรมเนียมในหน่วย PCUMS (Panama Canal/Universal Measurement System) ที่ 1 ตันมีค่าเท่ากับ 100 ลูกบาศก์ฟุต (2.8 ลูกบาศก์เมตร) โดยค่าธรรมเนียมในปี 2007 อยู่ที่ 3.26 เหรียญสหรัฐต่อตันสำหรับ 10,000 ตันแรก และจ่ายที่ 3.19เหรียญสหรัฐต่อตันสำหรับ 10,000 ตันถัดไป และหากเกินกว่านั้นยอดที่เหลือคิดที่ 3.14 เหรียญสหรัฐต่อตัน และราคามีข้อลดหย่อนสำหรับเรือเปล่าเช่นกัน

ประเภท ๓  เรือขนาดเล็ก ค่าธรรมเนียมขึ้นอยู่กับความยาวของเรือ โดยราคา ณ ปี 2007 อยู่ที่                                            

                     ความยาวของเรือ                      ค่าธรรมนียมเป็น US$     ค่าธรรมเนียมเป็น Thai ฿

น้อยกว่า 15.240 เมตร (50 ฟุต)                                         500 เหรียญ            15,000.00  บาทมากกว่า 15.240 (50 ฟุต) ถึง 24.384 เมตร (80 ฟุต)                   750                        22,500.00       มากกว่า 24.384 เมตร (80 ฟุต) ถึง 30.480 เมตร (100 ฟุต)     1,000                     30,000.00      มากกว่า 30.480 เมตร (ฟุต)                                          1,500        "                     45,000.00    "          ค่าธรรมเนียมที่แพงที่สุดมีการบันทึกไว้เมื่อวันที่ ๑๕ พค. ๒๐๐๘ จากเรือขนสินค้าที่ชื่อว่า Disney Magic จ่ายค่าธรรมเนียมไป US$331,200 เหรียญสหรัฐ ส่วนค่าธรรมเนียมเรือนักเดินทางชาวอเมริกันชื่อ ริชาร์ด ฮาลลิเบอร์ตัน เมื่อปี 1928 จ่ายไปน้อยที่สุดแค่ US$-0.38 เหรียญสหรัฐ                                       หมายเหตุ- อัตราการคิดค่าธรรมเนียมเรือผ่าน”คลองไทย” คงต้องปรับใหม่เพราะตัวอย่างที่ยกมาเป็นตัวเลขเก่าหลายปีแล้ว

 ท่านนายกมองเห็นอนาคตของคนไทยและประเทศไทยแล้วหรือยังว่า SEA-Bridges” จะทำให้ “ไพร่ฟ้าหน้าใส” คนไทยจะลืมตาอ้าปากกันได้ก็คราวนี้ ยิ่งกว่าน้ำมันและก๊าซที่เราหลงว่าจะโชติช่วงชัชวาลเสียอีก ท่านนายกจะทำให้คนทั้งโลกได้โชติช่วงชัชวาลพร้อมกันไปด้วย เพราะเศรษฐกิจของไทย ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนและของโลกจะฟื้นตัวกันทั่วหน้าจากโครงการ SEA-Bridges” ด้วยการขุด “คลองไทย” เราจะเป็นยักษ์แคระแห่งเอเซียพร้อมกับดึงประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ประเทศเพื่อนบ้านและประเทศอื่นๆทั่วโลกให้ฟื้นจากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ จากการเปิดเส้นทางเดินเรือของโลกเส้นทางใหม่ ในการขนสินค้าทางเรือด้วยคอนเทนเนอร์และทำให้การขนส่งน้ำมันดิบทางเรือสามารถเดินทางจากตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกาและอาฟริกาผ่านคลองไทยไปยังท่าเรือจีน ญี่ปุ่น เกาหลี รัสเซียและประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนได้สะดวกประหยัดและปลอดภัยโดยไม่ต้องผ่านช่องแคบมะละกาอีกต่อไป

คณะกรรมาธิการวิสามัญวุฒิสภาส่วนหนึ่งกำลังจะเสนอความคืดนี้ให้รัฐบาลพิจารณาดำเนินการขุด “คลองไทย” หากท่านนายกจะช่วยให้คนไทยทั้งชาติสามารถมีรายได้มีอาชีพด้วยการมีส่วนร่วมจากการดำเนินโครงการ “SEA-Bridges”ดยการถือหุ้นเป็นเจ้าของโครงการ “คลองไทย” กันทุกคน ทำไมรัฐบาลโดยท่านนายกจะไม่ริเริ่มทำความคิดนี้ให้เกิดขึ้นเพราะวุฒิสภาเองคงไม่สามารถทำได้แน่นอนเนื่องจากเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องอาศัยคนทั้งแผ่นดินเห็นชอบด้วยเท่านั้นจึงจะร่วมมือกันทำได้สำเร็จ สิ่งสำคัญที่สุด ท่านนายกไม่เพียงจะเป็นผู้นำประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเท่านั้น แต่จะเป็นผู้นำคนสำคัญเช่นเดียวกับจีนอินเดียและญี่ปุ่นทันที ท่านนายกยังจะทำให้ความฝันของคนไทยที่มีมากว่าสามร้อยปีในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ มหาราชเป็นผลสำเร็จขึ้นได้ในที่สุด                                                  และด้วยวิธีการจดทะเบียนลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาตามโครงการ “SEA-Bridges” หรือ คลองไทย” ยังจะทำให้ความฝันของท่านนายกในเรื่องความปรองดองแห่งชาติสามารถเดินหน้าได้ต่อไป จากการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาในโครงการต่างๆที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายทำไว้ แล้วกราบบังคมทูลๆเกล้าทูลกระหม่อมถวายลิขสิทธิ์ทางปัญญาแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อทรงพระราชทานทุนประเดิมเป็นสิริมงคลต่อไปทั้งนี้รัฐบาลจะเปิดให้คนไทยทุกคนสามารถจองซื้อหุ้นโดยทั่วหน้ากัน