เรียน ดร.ทักษิณ ชินวัตร
ผ่าน ท่านนายกปู
อยากให้ท่านนายกปูพิจารณา
ข้อ ๕ ถัดไปเป็นพิเศษ เพราะดร.ทักษิณ ชินวัตร
ได้คิดโครงการ ไว้โครงการหนึ่ง ชื่อ LAND-Bridges คือการก่อสร้างถนนเพื่อเชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทยกับฝั่งทะเลอันดามันให้เป็นถนนคอนกรีต
๔
ช่องจราจรเพื่อขนถ่ายน้ำมันและสินค้าตู้คอนเทนเนอร์จากฝั่งอันดามันไปฝั่งอ่าวไทยหรือกลับกันซึ่งจะมีท่าเรือเพื่อขนถ่ายน้ำมันและตู้คอนเทนเนอร์ทั้งสองฝั่ง
เพื่อช่วยย่นระยะทางไม่ต้องให้เรือน้ำมันและเรือบรรทุกสินค้าอ้อมช่องแคบมะละกาผ่านมาเลเซียอินโดนีเซียและสิงคโปร์ไปทะเลจีนใต้ที่มีประเทศจีน
ญี่ปุ่น เกาหลี รัสเซียและประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอื่นๆ คล้ายกับโครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกทะวายของพม่า
ซึ่งบริษัทของไทยกำลังช่วยพม่าก่อสร้างพัฒนาด้วยเงินทุนของจีนที่กำลังพยายามหาทางออกทะเลจากยูนนานลงใต้สู่ทะเลอันดามัน
ข้อสำคัญ
จึนพยายามจะหาทางใช้รางเพื่อขนสินค้าจากจีนตอนใต้ไปออกทะเลที่อันดามันหรือกลับกัน
เพื่อย่นระยะทาง เวลาและประหยัดน้ำมันแทนการต้องขนสินค้าทางเรือผ่านช่องแคบ มะละกาวันละกว่า
๑๔๐ เที่ยว
จริงๆ แล้ว เราควรต้องเปลี่ยนโครงการก่อสร้าง
LAND-Bridges ให้เป็นโครงการ SEA-Bridges
จะได้ประโยชน์มากมายมหาศาลมากกว่า เพราะ SEA-Bridges หมายถึงการขุดคลองเชื่อมทะเลอ่าวไทยกับทะเลอันดามัน
หรือการขุดคอคอดกระเดิมนั่นเอง
ซึ่งคนไทยคิดกันมานานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ มหาราช
เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันก็๓๐๐ ปีแล้วยังไม่ได้ขุด
เนื่องจากถูกขัดขวางจากประเทศมหาอำนาจทั้งอังกฤษและฝรั่งเศสรวมทั้งอินโดนีเซียและสิงคโปร์ตลอดมา
ขณะนี้ประเทศมหาอำนาจต่างๆไม่อาจขัดขวางโครงการนี้ได้อีกแล้ว
เพราะเป็นการขุดคลองไทยโดยเปิดเผยภายในดินแดนของไทยเอง
และเรายินดีให้เรือของทุกชาติมาใช้บริการทางผ่านได้สะดวกเพียงจ่ายค่าผ่านคลองซึ่งเรือที่มาใช้บริการจะประหยัดเวลา
เชื้อเพลิงและค่าใช้จ่ายต่างๆลงได้มาก รวมทั้งยังมีความปลอดภัยจากโจรสลัดอีกด้วย
โครงการ
SEA-Bridges จะเปลี่ยนประเทศไทยและคนไทยโดยเฉพาะคนใต้ให้มีชีวิตที่ดีขึ้น นอกจากนั้นถ้าไทยทำโครงการ
SEA-Bridges สำเร็จจะช่วยให้เศรษฐกิจของไทยและของโลกเติบโตอย่างเห็นได้ชัด
SEA-Bridges ยังจะพลิกไทยให้กลายเป็นยักษ์แคระแห่งเอเซียขึ้นมาทันทีและจะทำให้โครงการยักษ์ขนาดใหญ่ของจีนที่กำลังสร้างจากจีนตอนใต้เพื่อเปิดประตูผ่านพม่าลงสู่ทะเลอันดามันต้องเป็นง่อยหรือต้องปวดหัวมากที่สุดจนต้องเปลี่ยนแผนก่อสร้างทั้งหมด
เช่น โครงการแรก ท่อส่งน้ำมันดิบ น้ำมันดิบที่ขนมาจากตะวันออกกลางจะมาลงท่อที่นี่
แนวท่อทอดจากเมืองเจียวเพียว (เรียกตามสำเนียงจีน) ผ่านมัณฑะเลย์-ลาโช-มูเซ
ประเทศพม่า เข้าสู่เมืองมูเซ ไปถึงคุนหมิง ประเทศจีน ความยาวท่อ 1,100 กม. คาดว่าจะขนส่งน้ำมันดิบได้ 22 ล้านตันต่อปี
โครงการที่ 2 ท่อส่งก๊าซธรรมชาติ
เชื่อมจากแหล่งก๊าซในพม่า วางแนวขนานกับท่อส่งน้ำมันดิบ คาดว่าจะขนส่งก๊าซได้ถึง 12,000
ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี สี จิ้นผิง รองประธานาธิบดีของจีน
ได้มาลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติ
ตลอดจนการบริหารท่อก๊าซดังกล่าวระหว่างการเยือนพม่าเมื่อมิถุนายนปี 2009
โครงการที่ 3 รถไฟ เจียวเพียว-มูเซ
เส้นทางแนวเดียวกับท่อส่งก๊าซและท่อส่งน้ำมัน รถไฟวิ่งได้เร็ว 160 กม./ชม. ความยาวของระยะทางรถไฟคือ 810 กม.
หากเปรียบเทียบแล้วจะประหยัดเวลากว่าเส้นทางท่าเรือทวาย-มูเซ ที่มีความยาว 1,700
กม. เมื่อครั้งที่ประธานาธิบดี เตงเส่งไปเยือนจีนเป็นประเทศแรกหลังได้รับตำแหน่ง
พม่าได้รับเงินจาก China Development Bank ในปี 2011 เพื่อสร้างรถไฟสายนี้
โครงการที่ 4 นิคมอุตสาหกรรมและท่าเรือน้ำลึกที่เมืองเจียวเพียว
ท่าเรือน้ำลึกสามารถรองรับเรือบรรทุกน้ำมัน 3 แสนตันได้
เมืองนิคมอุตสาหกรรมจะมีทุกอย่างครบวงจร ทั้งสนามบิน โรงงานปิโตรเคมี
โรงงานถลุงเหล็ก เรียกได้ว่าเอามาบตาพุดกับแหลมฉบังมารวมกัน
โครงการท่าเรือน้ำลึกทะวายต้องกลายเป็นง่อยไปเลยทันที
ที่สำคัญอีกอย่างที่ไทยกำลังจะเชื่อมแหลมฉะบังเข้ากับท่าเรือน้ำลึกทะวายของพม่าด้วยการสร้างทางรถไฟก็จบลงด้วยเช่นกันโดยไม่ต้องสร้าง
เพราะ SEA-Bridges จะเป็นประโยชน์มากมายมหาศาลกว่าโครงการอื่นๆที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด
การลงทุนจากต่างประเทศจะย้ายจุดกลับมาลงทุนที่ไทยแทนทันที ทั้งนี้ไทยยังยินดีที่จะให้ประเทศต่างๆเข้ามาลงทุน
ถือหุ้น โครงการต่างๆของไทยที่จะสร้างอีกด้วย
มีการศึกษาถึงเหตุผลความเป็นไปได้ในการขุดคอคอดกระเชื่อมทะเลอ่าวไทยและอันดามันจากคณะกรรมาธิการวิสามัญวุฒิสภาชุดหนึ่งเมื่อปี
พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งเห็นพ้องต้องกันว่า สมควรต้องขุดคอคอดกระ
ตามแนวที่ได้สำรวจไว้แล้วคือแนว 9A จะเหมาะสมที่สุด
^ 1.
แนว 9A การขุด “คลองไทย”
ที่สำรวจแล้ว “คลองไทย”ศูนย์กลางเดินเรือโลกสายใหม่ 2.^ V 3. “คลองไทย”เริ่มจากฝั่งอันดามัน
อ.สิเกา จ.กระบี่ ตรัง พัทลุง สงขลา อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ออกสู่ฝั่งอ่าวไทย
ระยะทางตรง ๑๒๐ กิโลเมตร อันดามันรวมช่วงประตูน้ำสิเกา จ.กระบี่ ๒๘.๕๖ กิโลเมตร (Sigoa-Krabi Locks) ช่วงกลางคลองไทย จ.ตรัง พัทลุง
สงขลา-ทะเลน้อย ๗๓.๐๒ กิโลเมตร (Trang
Phattalung Songkla(Talaynoi) ตรงกึ่งกลางจะเป็นสะพานแขวนข้าม “คลองไทย” (Hanging Bridges) และทางรถไฟความเร็วสูงสายใต้ (Southern Hi-Speed Train) และช่วงประตูน้ำหัวไทร
จ.นครศรีธรรมราชทะลุอ่าวไทย ๔๕.๕๙ กิโลเมตร (Huasai-Nakhon Si Thammaraj Locks) รวมความยาวทั้งหมด ๑๔๗.๑๗
กิโลเมตร
(ภาพจำลอง “คลองไทย”ตามแนว 9A
ผ่านจังหวัดกระบี่ ตรัง พัทลุง
นครศรีธรรมราชและสงขลา ระยะทาง 120 กิโลเมตร ซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่งที่คณะกรรมาธิการวิสามัญวุฒิสภาชุดหนึ่งได้คัดสรรไว้แล้ว
จากฝั่งทะเลอันดามัน (ด้านซ้ายมือ) และสุดทางที่ฝั่งอ่าวไทย (ด้านขวามือ) 1 Sigao Locks at Trang 2. HuaSai Locks at NakhonSri Thammaraj 3.
Hanging Bridges 4. Southern Bullet
Trains)
ถ้าไทยสามารถทำโครงการ SEA-Bridges
ได้สำเร็จด้วยการขุด”คลองไทย” จะนำรายได้เข้าประเทศมากมายมหาศาลแล้วยังช่วยให้เศรษฐกิจทั้งของไทยประเทศเพื่อนบ้านและประเทศต่างๆทั่วโลกดีขึ้นเพราะ
“คลองไทย” จะช่วยให้การขนส่งสินค้าด้วยคอนเทนเนอร์และการท่องเที่ยวทางเรือสามารถตัดตรงจากทวีปยุโรป
อเมริกา กลุ่มประเทศตะวันออกกลางและจากทั่วโลกมาใช้ “คลองไทย” ได้เลยเพื่อประหยัดค่าขนส่งและเพื่อการท่องเที่ยว
“คลองไทย” จะขยายเส้นทางการท่องเที่ยวทางทะเลไปยังเมืองท่าสำคัญๆของหลายประเทศทางอ่าวไทยและทะเลจีนใต้
เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี รัสเซียและประเทศประชาคมอาเซียน
โดยไม่ต้องเสียเวลาอ้อมผ่านประเทศมาเลเซียอินโดนีเซียและสิงคโปร์เหมือนปัจจุบันและจะปลอดภัยจากปัญหาโจรสลัดบริเวณช่องแคบมะละกา
ย่นระยะทางลงได้มากรวมทั้งยังประหยัดเวลาในการเดินทางประหยัดน้ำมันและค่าใช้จ่ายต่างๆ
คลองไทยจะเป็นส่วนสำคัญของเส้นทางเดินเรือของโลกเส้นทางใหม่
ข้อสำคัญทุกประเทศจะได้รับความสะดวกและได้รับประโยชน์จากการใช้คลองไทยกันทั่วหน้า
ประมาณการอัตราค่าธรรมเนียมการใช้
“คลองไทย”
เมื่อเปรียบเทียบกับ
“คลองปานามา”
ความฝันของคนไทยจะเป็นจริงได้อย่างไร
ค่าธรรมเนียม
ประเภท ๑ เรือขนสินค้า ค่าธรรมเนียมประเมินจาก
ทีอียู.(TEU) Twenty-foot Equivalent Unit เป็นขนาดของคอนเทนเนอร์
ขนาด 20 ฟุต(6 เมตร)
x 8 ฟุต (2 เมตร) x 8.5 ฟุต(2.6
เมตร) บังคับใช้ตั้งแต่ 1 พค.2007 ค่าธรรมเนียมอยู่ที่
US$54 ต่อ 1 TEUเรือขนสินค้าที่ใหญ่ที่สุดอาจขนสินค้าได้ถึง
4,400
ทีอียู (US$237,600.00) แต่มีข้อลดหย่อนสำหรับเรือเปล่าที่ไม่มีผู้โดยสาร
หรือไม่มีการขนสินค้า
ประเภท ๒ แต่เรือส่วนใหญ่จะจ่ายค่าธรรมเนียมในหน่วย
PCUMS
(Panama Canal/Universal Measurement System) ที่ 1 ตันมีค่าเท่ากับ 100 ลูกบาศก์ฟุต (2.8 ลูกบาศก์เมตร) โดยค่าธรรมเนียมในปี 2007 อยู่ที่ 3.26
เหรียญสหรัฐต่อตันสำหรับ 10,000 ตันแรก
และจ่ายที่ 3.19เหรียญสหรัฐต่อตันสำหรับ 10,000 ตันถัดไป และหากเกินกว่านั้นยอดที่เหลือคิดที่ 3.14 เหรียญสหรัฐต่อตัน
และราคามีข้อลดหย่อนสำหรับเรือเปล่าเช่นกัน
ประเภท ๓ เรือขนาดเล็ก ค่าธรรมเนียมขึ้นอยู่กับความยาวของเรือ
โดยราคา ณ ปี 2007 อยู่ที่
ความยาวของเรือ ค่าธรรมนียมเป็น US$ ค่าธรรมเนียมเป็น Thai ฿
น้อยกว่า 15.240 เมตร (50 ฟุต) 500
เหรียญ 15,000.00 บาทมากกว่า 15.240 (50 ฟุต) ถึง 24.384 เมตร (80 ฟุต) 750 “
22,500.00 “ มากกว่า 24.384 เมตร (80 ฟุต) ถึง 30.480
เมตร (100 ฟุต) 1,000 “ 30,000.00 “ มากกว่า 30.480 เมตร (ฟุต) 1,500 " 45,000.00 " ค่าธรรมเนียมที่แพงที่สุดมีการบันทึกไว้เมื่อวันที่ ๑๕ พค. ๒๐๐๘
จากเรือขนสินค้าที่ชื่อว่า Disney Magic จ่ายค่าธรรมเนียมไป US$331,200 เหรียญสหรัฐ ส่วนค่าธรรมเนียมเรือนักเดินทางชาวอเมริกันชื่อ ริชาร์ด
ฮาลลิเบอร์ตัน เมื่อปี 1928 จ่ายไปน้อยที่สุดแค่ US$-0.38 เหรียญสหรัฐ
หมายเหตุ-
อัตราการคิดค่าธรรมเนียมเรือผ่าน”คลองไทย” คงต้องปรับใหม่เพราะตัวอย่างที่ยกมาเป็นตัวเลขเก่าหลายปีแล้ว
คณะกรรมาธิการวิสามัญวุฒิสภาส่วนหนึ่งกำลังจะเสนอความคืดนี้ให้รัฐบาลพิจารณาดำเนินการขุด
“คลองไทย” หากท่านนายกจะช่วยให้คนไทยทั้งชาติสามารถมีรายได้มีอาชีพด้วยการมีส่วนร่วมจากการดำเนินโครงการ
“SEA-Bridges” โดยการถือหุ้นเป็นเจ้าของโครงการ
“คลองไทย” กันทุกคน ทำไมรัฐบาลโดยท่านนายกจะไม่ริเริ่มทำความคิดนี้ให้เกิดขึ้นเพราะวุฒิสภาเองคงไม่สามารถทำได้แน่นอนเนื่องจากเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องอาศัยคนทั้งแผ่นดินเห็นชอบด้วยเท่านั้นจึงจะร่วมมือกันทำได้สำเร็จ
สิ่งสำคัญที่สุด ท่านนายกไม่เพียงจะเป็นผู้นำประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเท่านั้น
แต่จะเป็นผู้นำคนสำคัญเช่นเดียวกับจีนอินเดียและญี่ปุ่นทันที ท่านนายกยังจะทำให้ความฝันของคนไทยที่มีมากว่าสามร้อยปีในสมัยสมเด็จพระนารายณ์
มหาราชเป็นผลสำเร็จขึ้นได้ในที่สุด และด้วยวิธีการจดทะเบียนลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาตามโครงการ
“SEA-Bridges” หรือ “คลองไทย” ยังจะทำให้ความฝันของท่านนายกในเรื่องความปรองดองแห่งชาติสามารถเดินหน้าได้ต่อไป
จากการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาในโครงการต่างๆที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายทำไว้ แล้วกราบบังคมทูลๆเกล้าทูลกระหม่อมถวายลิขสิทธิ์ทางปัญญาแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เพื่อทรงพระราชทานทุนประเดิมเป็นสิริมงคลต่อไปทั้งนี้รัฐบาลจะเปิดให้คนไทยทุกคนสามารถจองซื้อหุ้นโดยทั่วหน้ากัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น