วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2555

ทางรอดเศรษฐกิจไทย ตอน ๑


ทักษิณกำลังจะเขย่าโลกด้วยโครงการยักษ์ 4+1
                             เพื่อปลุกเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวภายในเวลา ๒ ปี ตอน ๑                                                                                                   เวทย์ เธียรธโนปจัย
ความหวังที่ประเทศไทยจะฟื้นเศรษฐกิจแม้ดูจะห่างไกลเลือนลางเต็มที เพราะผีซ้ำด้ามพลอยส่งนาคมาพ่นน้ำหลายตัวทำให้น้ำท่วมกว่า ๖๐ จังหวัด สูญเสียทั้งชีวิตไร่นาสวนและหมดสิ้นเนื้อประดาตัวกันอย่างที่คนไทยไม่เคยเจอมาก่อนและคงเป็นเรื่องน่าเศร้าที่หน้าที่นี้ต้องตกเป็นของนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เพิ่งเข้ามาจากการได้รับชัยชนะเลือกตั้งกว่า ๑๕ ล้านเสียงของประชาชนอย่างท่วมท้นจึงเป็นแรงบันดาลใจสนับสนุนให้เธอรับภาระผู้นำประเทศคนใหม่ท่ามกลางความไม่มั่นใจของคนส่วนหนึ่งที่เห็นนารีขี่ม้าขาวเข้าสู่สมรภูมิการเมืองเป็นครั้งแรก ในขณะที่คนส่วนใหญ่ที่เลือกเธอได้ตั้งความหวังไว้ว่าประเทศไทยสมควรจะมีผู้นำเป็นอิสตรีจากความตั้งใจจริง และเพียงช่วงเวลาอันสั้นคนไทยก็ได้เห็นหญิงเหล็กคนใหม่ของโลก ไม่ใช่แค่น้ำตาที่เธอต้องหลั่งออกมาจากใจจริงที่เห็นประชาชนทุกข์ยากจากภัยน้ำท่วม แต่สิ่งที่เธอมุมานะตั้งใจจริงที่จะปลดปล่อยทุกข์ให้ประชาชน เธอจึงทำทุกอย่างจนดูเหมือนว่าเธอจะถูกโดดเดี่ยวโดยไม่ปริปากบ่นแม้แต่คำเดียว  นี่คือสิ่งที่เธอได้ใจจากขุนทหารและขุนพลของเธอเอง ต้องกระโดดเข้ามาช่วยเธออย่างแข็งขันเพราะทนดูไม่ได้ คนไทยนั้นไม่เคยแล้งน้ำใจฉันใดยิ่งในยามที่ต้องเผชิญกับภัยพิบัติทุกข์ยากแล้วประชาชนจึงเทใจให้เธออย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน 
เมื่อตอนหาเสียงรัฐบาลสัญญาไว้ว่าจะทำหลายภารกิจเด่นเพื่อช่วยเหลือประชาชนได้แก่การเพิ่มรายได้ลดรายจ่ายและเพิ่มโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายด้วยการปรับปรุงเนื้อหาสาระ ขยายวงเงินอุดหนุนโครงการเดิมต่างๆมากมายทำให้พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งอย่างท่วมท้น เช่น โครงการ ๓๐ บาทรักษาทุกโรค การผ่อนชำระหนี้ให้แก่เกษตรกร เงินกองทุนหมู่บ้าน เพิ่มเงินโครงการปรับปรุงและพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ให้หมู่บ้านขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ มากขึ้นเพื่อให้ได้สิ่งอำนวนความสะดวกให้ชุมชนได้กว้างขวางมากขึ้น เงินกองทุนอุดหนุนสตรีจังหวัดละ ๑๐๐ ล้านบาท เงินช่วยค่าครองขีพผู้สูงอายุปรับจาก ๕๐๐ บาทต่อเดือนขึ้นเป็นขั้นบันได ฯลฯ เป็นต้น ด้วยความหวังว่าจะช่วยให้ประชาชนได้มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่สักแต่ให้หรือให้อย่างเสียไม่ได้เพราะลอกเขามาอย่างที่รัฐบาลอื่นเขาลดแลกแจกแถมทำกัน
เพียงที่กล่าวมาแล้วข้างต้นรัฐบาลก็แทบจะกระดิกตัวไม่ได้หรือได้ก็ลำบากยากเข็ญเต็มที โดยไม่ต้องคิดถึงจำนวนเงินงบประมาณที่จะใช้เพื่อการดังกล่าว จึงหนีการกู้เงินมาใช้ตามโครงการไม่พ้นเพราะรัฐบาลก่อนได้ผลาญเงินไปจนไม่เหลือให้นายกยิ่งลักษณ์ใช้เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมเพีบงอย่างเดียวก็ไม่พอ แล้วจะเดินหน้าผลักดันให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างไร
หนทางหนึ่งที่รัฐบาลจะหาเงินมาใช้ก็คงต้องเก็บภาษีเอาจากประชาชนโดยเฉพาะการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งจะเป็นธรรมกับทุกคน  แต่จะเกิดผลกระทบหลายอย่างที่รัฐบาลน่าจะไม่อยากทำเพราะการขึ้นภาษีจะทำให้สินค้าค่าครองชีพแห่ขึ้นราคากันเป็นแถว จนประชาชนเดือดร้อน เช่นเดียวกับการขึ้นราคาน้ำมัน เพราะรัฐบาลเพิ่งจะลดราคาน้ำมันเอาใจคนมีรถไม่กี่เดือนที่ผ่านมาทำให้กองทุนน้ำมันพร่องจนติดลบ หันไปหันมาดูแล้วสงสารนายกยิ่งลักษณ์สุดหัวใจจริงๆ แต่คราวนี้เธอคงจะไม่เสียน้ำตาให้กับสวะสังคมบางคนบางพวกที่ดีแต่พูดและชอบถากถางคนอื่น                         
ที่จริงแล้วไม่มีใครจะอับจนซึ่งปัญญาถ้าคนๆนั้นไม่ดีแต่พูดโดยไม่รู้จักคิดหรือทำต่างหาก ถ้าใครเข้าใจคำว่า         เงินต่อเงินอย่างที่ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ท่านเข้าใจของท่านจึงทำให้ท่านเปลี่ยนจากการเป็นลูกหนี้ที่ต้องขายเช็คกลับเป็นมหาเศรษฐีในพริบตาทำให้คนบางคนอิจฉาตาร้อนเพราะท่านรู้จักใช้เงินต่อเงินตามแบบฉบับของท่าน  รัฐบาลคงไม่มีเวลาแม้แต่จะคิดถึงโครงการเศรษฐกิจที่เรียกว่า “Mega-Projects” ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐจำเป็นจะต้องลงทุนเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำมาพัฒนาประเทศ ไม่ใช่คอยพึ่งแต่การเก็บภาษีอย่างเดียว เช่น รถไฟฟ้าใต้ดิน การรถไฟแห่งประเทศไทย ทางด่วนโทลเวย์ สถานีวิทยุและโทรทัศน์ 3G การบินไทย ฯลฯ แต่น่าเสียดายที่รัฐวิสาหกิจเหล่านี้กลับกลายเป็นแหล่งทำมาหากินของผู้มีอำนาจที่เกษียณอายุแล้วทั้งสิ้น หาได้เป็นที่หารายได้เข้ารัฐอย่างที่ควรจะเป็น กิจการต่างๆจึงไม่มีพัฒนาการก้าวไปข้างหน้าอย่างที่กำหนด




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น